เลือกผู้ฝึกอบรม พร้อมหลักสูตรขับรถโฟล์คลิฟท์อย่างไรให้ได้มาตรฐาน

รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) เครื่องจักรคู่ใจในคลังสินค้า โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยความสามารถในการยกของหนัก ขนย้ายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ทว่าอุบัติเหตุจากการใช้รถโฟล์คลิฟท์ก็เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง สถิติจากองค์การความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งสหรัฐอเมริกา (OSHA) ระบุว่า ในปี 2021 มีอุบัติเหตุจากรถโฟล์คลิฟท์เกิดขึ้นกว่า 7,300 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 85 ราย

สาเหตุหลักของอุบัติเหตุเหล่านี้ ส่วนใหญ่เกิดจากความประมาท ขาดการอบรม หรือใช้รถโฟล์คลิฟท์ไม่ถูกวิธี ดังนั้น บุคลากรที่ต้องขับรถโฟล์คลิฟท์ ควรผ่านการอบรมหลักสูตรขับรถโฟล์คลิฟท์จากสถาบันที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ ปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย

1.ผู้ฝึกอบรมหลักสูตรขับรถโฟล์คลิฟท์ ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?

ผู้ฝึกสอน หลักสูตรขับรถโฟล์คลิฟท์ ควรเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติดังนี้

  • มีความรู้ความสามารถ : ผู้ฝึกสอนต้องมีความรู้ด้านการขับรถโฟล์คลิฟท์เชิงทฤษฎีและปฏิบัติอย่างลึกซึ้ง เข้าใจหลักการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์แต่ละประเภท รู้จักเทคนิคการขับขี่ที่ปลอดภัย สามารถถ่ายทอดความรู้ให้ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ประสบการณ์ตรง : การมีประสบการณ์ตรงในการขับรถโฟล์คลิฟท์ ช่วยให้ผู้ฝึกสอนสามารถเล่าตัวอย่าง สถานการณ์จำลองต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจริงระหว่างปฏิบัติงาน ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
  • ใบรับรอง: ผู้ฝึกสอนหลักสูตรขับรถโฟล์คลิฟท์ ต้องได้รับใบรับรองจากหน่วยงานที่รัฐบาลรับรอง

2.หลักสูตรขับรถโฟล์คลิฟท์ ควรมีเนื้อหาอะไรบ้าง?

หลักสูตรขับรถโฟล์คลิฟท์ที่ดี ควรครอบคลุมเนื้อหาที่สำคัญ ดังต่อไปนี้

  • กฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย : ผู้ขับรถโฟล์คลิฟท์ ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ. เครื่องจักร ปั้นจั่น และหม้อน้ำ รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรฐานสากล ISO 4399
  • การตรวจสอบสภาพรถก่อนใช้งาน : ผู้ขับต้องรู้จักวิธีการตรวจสอบสภาพรถโฟล์คลิฟท์ก่อนใช้งานทุกครั้ง เช่น การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ระบบเบรก ระบบไฟ หากพบความผิดปกติ ต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อนำรถเข้าซ่อมบำรุงก่อนใช้งาน
  • เทคนิคการขับขี่ที่ปลอดภัย : หลักสูตรขับรถโฟล์คลิฟท์ ควรเน้นย้ำเทคนิคการขับขี่ที่ปลอดภัย เช่น การทรงตัว การมองทาง การใช้สัญญาณเตือน การขับด้วยความเร็วที่ปลอดภัย รวมถึงการปฏิบัติตัวในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • การยกและวางสิ่งของ: ผู้ขับต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของรถโฟล์คลิฟท์แต่ละประเภท ศูนย์กลางมวลของสิ่งของ และเทคนิคการยกที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถพลิกคว่ำ สิ่งของร่วงหล่น
  • การบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์: ผู้ขับควรมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง การตรวจเช็คระบบเบรก ระบบไฟ หากพบความผิดปกติ ต้องแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ

การเลือกผู้ฝึกอบรม หลักสูตรขับรถโฟล์คลิฟท์ ที่ได้มาตรฐาน เปรียบเสมือนการลงทุนในความปลอดภัย บทความนี้เสมือนเข็มทิศนำทาง มอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ครอบคลุม ช่วยให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจเลือกผู้ฝึกอบรม หลักสูตรที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย

More articles